วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แขวนคำตัดสินดีไหม....

วันนี้เป็นวันคลินิกความดันโลหิตสูง คนไข้พากันมานั่งรอแต่เช้า บางคนก็เร่งเร้าอยู่ในทีเพราะไปวัดแล้วมาแวะยังไม่ได้กินข้าวเช้า รับยาเสร็จก็จะกลับบ้าน แล้ววันนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไรที่มีเรื่องจุกจิกในใจเล็กน้อยที่รู้สึกว่าใจขุ่น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะไม่ลงที่คนไข้เลย นั่งตรวจไปสักครู่ก็มีหญิงชราท่าทางสบายๆไม่วิตกทุกข์ร้อนอันใด แต่ความดันโลหิตสูงปรี๊ด "คุณยายความดันสูงอีกแล้วนะคะ 190/100 แน่ะ แล้วก็สูงมาหลายครั้งแล้ว.." ฉันพูดแบบต่อว่ากลายๆ "ยายก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่หมอ" คุณยายพูด ความจริงคุณยายก็รู้ว่าฉันเป็นพยาบาล แต่ก็เรียกว่าหมอตามประสาคนท้องถิ่นนี้ที่เรียกคนทำงานในโรงพยาบาลว่า หมอ "คุณยายเครียดอะไรมั้ยคะ" ฉันเริ่มสอบสวน "ไม่มีอะไรที่ต้องเครียดนี่นา " "นอนหลับดีมั้ย" หลับสบายทุกวัน" เอาละซีฉันเริ่มปวดหัว "กินเค็มหรือเปล่า.." "ไม่มี้.." คุณยายปฏิเสธเสียงแข็ง "งั้นหนูส่งตัวคุณยายไปให้ข้างบน..(หมายถึงงาน NCD ของโรงพยาบาล) ดีไหมคะ " "ยายไม่ไปหรอก ขี้เกียจรอนาน เสียเวลา มานี่แหละเร็วดี" คุณยายยังคงดื้อแพ่ง "คุณยายกินยายังไงคะ" "ก็กินเม็ดสีโอโรสครึ่งเม็ด สีเหลืองหนึ่งเม็ด สีขาวไม่กิน กินแล้วคันไปทั้งตัว ไม่ได้หลับไม่ได้นอน" เอาอีกแล้ว ฉันคิด ...กินยาตามใจตัวเองอีกแล้ว จะทำยังไงดีละนี่ โทรฯ consult คุณหมอ OPD แล้วกัน เพราะคุณยายยืนยันว่าไม่ไปตรวจกับ OPD หรือ NCD ของโรงพยาบาล คุณหมอก็กรุณาให้คำแนะนำพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนยาให้ พอเอายาให้คนไข้ดูแกก็บอกว่า ยานี่ไม่กินเคยกินแล้วไม่ดี ยานี้กินอยู่ยายังพอมี ชักปวดหัวมากขึ้นอีก คนไข้อื่นๆก็รออยู่เลยบอกคุณยายว่า งั้่นยังไม่ให้ยาละนะ บ่ายนี้จะไปเยี่ยมบ้านดูว่าที่บ้านมียาอะไรบ้าง คุณยายก็ตกลง

บ่ายแก่ๆก็พากันไปสองคนพี่น้อย เตรียมตะกร้าเยี่ยมบ้านทั้ง Family folder ทั้งยาของคุณยายที่เผื่อยาความดันตัวอื่นไปด้วย เครื่องวัดความดัน แถมเซ็ททำแผลเผื่อคนแถวบ้านคุณยายจะมีแผลให้ทำ บ้านคุณยายหาไม่ยาก ปรากฎว่า เป็นหม้ายอยู่บ้านคนเดียว ลูกไปทำงานที่อื่น อาทิตย์หนึ่งก็กลับมาหาที แต่ไม่ได้มีฐานะยากจนเลย มีหลานชายและหลานสะใภ้ของสามีแกอาศัยอยู่บ้านใกล้กัน ไปมาหาสู่กันได้ วัดความดันโลหิตซ้ำ คราวนี้ได้ 150/80 มม.ปรอท ซักประวัติผังเครือญาติ ปรากฎว่า ลูกชายสี่คนตายด้วยสาเหตุดื่มเหล้ากันทุกคน เหลือแต่ลูกผู้หญิงที่ออกเรือนไปอยู่ที่อื่น หลานชายและหลานสะใภ้ของสามีแกก็กินเหล้าทุกวันเหมือนกัน ทั้งๆที่หลานสะใภ้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง แขนขาซีกซ้ายอ่อนแรงเพิ่งจะพอช่วยเหลือตัวเองได้ และทั้งคุณยาย หลานชายและหลานสะใภ้สูบบุหรี่ขี้โยกันทุกคน คุณยายเอายามาให้ดูพบว่า ที่ไม่กินคือ Amlodipine 5 mg ที่ทานอยู่ก็มี HCTZ , Atenolol(100)  เลยเพิ่ม Enalapril (5) ตามที่คุณหมอสั่งให้ คุณยายชอบกินอาหารที่ใส่ผงชูรสมาก บอกว่าต้องใส่ทุกมื้อ ทุกเมนู แถมบอกว่า "ซื้อไว้ใช้กระปุกเท่านี้..."แกทำมือขนาดลูกมะพร้าวอ่อน คิดดูละกันว่าแกจะกินสักเท่าไหร่  แกบอกว่า อยู่ที่บ้านความดันแกดีอยู่ไม่สูงมาก เลยถามว่าที่สูงน่ะคิดว่าเพราะอะไร แกบอกว่า "ท่าจะเดินไปหาหมอละมั้ง...." อ้าว แล้วก็ไม่บอก แกก็ว่า ก็หมอไม่ได้ถาม เอากะแกซี "หนูขอโทษแล้วกันนะคุณยายที่ไม่ได้ถาม เอางี้ ก่อนไปหาหมอให้ อสม.วัดความดันให้ก่อนนะ แล้วค่อยไปเปรียบเทียบกับที่โน่น แต่ยังไงก็อยากให้สูบขี้โยลดลงด้วย แล้วก็ผงชูรสด้วยนะ แล้วถ้าไปเอายาก็ขอใครเขาไปส่งนะ อย่าเดินไปเอง มันไกลอยู่เหมือนกัน..." ฉันฝากฝังให้หลานสาวแกช่วยดูแลสองเรื่องนี้ให้ " แล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ.."

ถ้าไม่ได้เยี่ยมบ้าน เราจะรู้มั้ยเนี่ยว่า แกต้องเดินไปเอายา แล้วต้องรีบเดินกลับไปดูแลบ้าน เพราะไม่มีใครเฝ้าบ้าน เราจะรู้มั้ยว่า แกสูบขี้โยเท่าไหร่ กินผงชูรสเท่าไหร่ มีคนมีพฤติกรรมแบบนี้เป็นเพื่อนแกอยู่ใกล้ๆ เลยไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เราก็จะมองแค่ตัวเลขให้ยาตามตัวเลข พอไม่ได้ผลก็ตราหน้าแกว่า

Non-compliance patient

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น