วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วงเวียนชีวิต(ยิ่งกว่าละคร)

PCU สารภีได้ให้การดูแลผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่มีโรคเบาหวานแทรกรายหนึ่งที่มีปัญหาในการรับยาไม่ต่อเนื่องและไม่มาตรวจตามนัด จึงได้ติดตามเยี่ยมบ้านพบผู้ป่วยอยู่เพียงลำพังในเวลากลางวันที่ชั้นล่าง บ้าน 2 ชั้น จึงได้ให้การพยาบาลและให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติ ผ่านไประยะหนึ่งญาติผู้ป่วยได้มาร้องขอให้เจ้าหน้าที่ไปดูป้าให้หน่อยนะ "หมอครับๆ จ้วยไปดูป้าหื้อผมกำลอ เป๋นบ่หลับ บ่นอน หุยอยู่ฮั้นเนาะ" ตอนบ่ายวันนั้นทีมPCUสารภีก็ได้ไปเยี่ยมบ้าน ก้าวแรกที่ได้เข้าไปก็ต้องพบกับสภาพผู้ป่วยที่นอนอยู่บนแหย่ง พร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์ มีจานอาหารเก่าๆ มีตะกร้าใส่ยา ของใช้จำเป็นและถังใส่ปัสสาวะวางอยู่ใกล้ๆ จึงให้ญาตินำถังใส่ปัสสาวะไปทิ้งทำความสะอาด และได้ช่วยกันจัดการเก็บกวาด เช็ดถูทำความสะอาดบริเวณบ้านให้สะอาด ซักเสื้อผ้า,ผ้าห่ม ผึ่งแดดให้เรียบร้อย จากการตรวจร่างกายพบว่าไม่พบสิ่งปกติ แต่สภาพจิตใจต้องดูแลเป็นพิเศษ ในขณะที่เราช่วยกันทำความสะอาด บริเวณที่อยู่ของผู้ป่วยอยู่นั้นพบชายวัยรุ่นผู้หนึ่งนั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้อง ก่อนกลับเราได้เชิญเขาออกมาให้คำแนะนำในการดูแลผู้ป่วย การรับประทานยา การดูแลความสะอาดทั่วไป จากข้อมูลที่ได้รับจากญาติทราบว่าผู้ป่วยเป็นลูกสาวคนโตไปทำงานที่กรุงเทพตั้งแต่สาวๆ ไม่ได้เหลียวแลทางบ้านที่มีพ่อแม่และน้องๆอีก 3 คนทิ้งให้พวกเขาลำบาก หลานๆก็ได้รับข้อมูลแบบนี้ น้องสาวคนเล็กที่ผู้ป่วยมาอาศัยอยู่ด้วยหลังกลับมาจากกรุงเทพเมื่อ10กว่าปีก่อนก็ดูแลแค่ให้ที่อยู่ที่กิน อ้างภาระรับผิดชอบมีมากมาย ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานและต้องดูแลสามีที่ป่วยออดๆแอดๆอีก น้องคนนี้ไม่พอใจที่พี่สาวทอดทิ้งไป ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือพวกเขากับครอบครัวเลยแล้วจะให้พวกเขามาดูแลผู้ป่วยได้อย่างไร หลังจากได้รับข้อมูลครั้งแรกทางทีมงานก็ได้มาปรึกษากันว่าเราจะมีวิธีใดที่จะให้น้องสาว หลาน เหลนของผู้ป่วยเต็มใจ พร้อมที่จะให้การดูแลผู้ป่วย ซึ่งปัญหาของผู้ป่วยขณะนี้คือผู้ป่วยต้องการให้ญาติมาดูแลใกล้ชิด เรียกร้องความสนใจ ทางทีมPCUได้หาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ป่วย,เพื่อนบ้าน,อสมที่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในด้านอาหาร การกิน เป็นธุระในการติดต่อขอเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้ ก็ได้รับข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่าผุ้ป่วยไปทำงานที่กรุงเทพโดยไปเป็นลูกจ้างร้านทำอาหารมีรายได้เดือนละไม่กี่ร้อยบาท แต่งงานแล้วแต่ไม่มีลูกจึงได้เลิกรากันไป หลังเลิกกับสามีคนแรกก็แต่งงานกับสามีคนที่ 2แต่ก็ไม่มีลูกก็ได้เลิกรากันไปอีก ผู้ป่วยบอกว่า"เฮามีลูกหื้อเปิ้นบ่ได้ ก่หื้อเปิ้นไปแต่งงานใหม่เต๊อะ เอ็นดูเปิ้นไค่ได้ลูก" รายได้ไม่กี่ร้อยบาทนี้ผู้ป่วยได้ให้การช่วยเหลือหลานชาย 2 คน(ลูกของน้องสาว)ที่ไปเรียนที่กรุงเทพ ทุกๆเดือนเหลือเงินเก็บไว้บ้าง ตอนนี้หลานชายทำงานเป็นผู้จัดการร้านสรรพสินค้า มีรายได้เดือนละเป็นแสน ส่งลูกเรียนโรงเรียนฝรั่ง ผู้ป่วยกลับมาอยู่เชียงใหม่ได้ 10กว่าปี ได้รับมรดกเป็นที่ดิน 1ผืน ตอนนี้ก็ได้ยกให้น้องสาวคนเล็กที่ได้อาศัยในขณะนี้ หว้งจะฝากผีฝากไข้ รายได้ที่ได้รับก็แค่เดือนละ 500 บ้านไว้แค่พอซื้ออาหารประทังชีวิต หลานชายได้ส่งเงินมาให้อีกเดือนละ 1,000บาท(แต่น้องสาวเก็บไว้หมด) อสม.ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าญาติที่อยู่บ้านใกล้ๆกันได้ช่วยเหลือด้านอาหารให้กับผู้ป่วย โดยที่น้องสาวไม่เคยถามเลยว่าค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารหมดไปเท่าไร อสม.ก็บอกว่าเขาทำเพราะว่าสงสารผู้ป่วยไม่มีใครดูแลเท่าที่ควร จากข้อมูลที่ได้ยังทราบว่าน้องสาวผู้ป่วยเป็นคนรักแรงเกลียดแรง แม้กระทั่งสามีเขาได้ทำเรื่องผิดพลาดในอดีตก็ยังไม่ยอมให้อภัย


น้องเคเอาเสื้อผ้า,ผ้าห่มไปซัก
Mental support

กวาดบ้าน,ถูบ้านให้สะอาด
หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยอีกครั้งก็ได้พบว่าสภาพสิ่งแวดล้อมสะอาดขึ้น กลิ่นไม่พึงประสงค์ลดลง  หลานชายไปค้าขายต่างอำเภอ น้องสาวขายของหน้าปากซอย ทีมงานได้ให้การดูแลและMental support ผู้ป่วยและน้องสาว รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลานชายที่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่งกับหลานสะใภ้และลูกสาว เปิดบ้านเป็นร้านเสริมสวย ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยเลย(ผู้ป่วยกับหลานสะใภ้เคยมีปัญหาทะเลาะกัน)ทีมPCUได้ไปติดตามเยี่ยมผู้ป่วยหลายครั้งแล้วหลานสะใภ้ไม่เคยมาทักทาย ให้การต้อนรับเลย เจอแต่น้องสาวผู้ป่วยที่ปลีกตัวจากการขายของมาต้อนรับที่บ้าน หลานชายได้ช่วยดูแลเรื่องความสะอาด เรื่องอาหารให้แกผู้ปวย ก่อนออกไปทำงาน หลังจากให้การดูแลแล้วทางทีมงานก็ได้นำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์หาสาเหตุ ปํญหาที่แท้จริงของผู้ป่วยและได้ร่วมมือกันช่วยกันแก้ปํญหาทั้งครอบครัว ญาติยอมรับผู้ป่วยมากขึ้นช่วยกันดูแลผู้ปวยจนมีสภาพจิตในที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สภาพที่อยู่อาศัยสะอาดขึ้น ในการติดตามเยี่ยมครั้งล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 27 ตุลาคมนี้พบผู้ป่วยนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยสนุกสนาน ดีใจที่เห็นทีมPCU ไปเยี่ยมที่บ้าน เราได้มอบถังน้ำมีฝาปิดสำหรับใส่ปัสสาวะ มอบเก้าอี้สุขภัณฑ์สำหรับนั่งถ่ายให้แก่ผู้ป่วย
กำลังช่วยกันประกอบเก้าอี้สุขภัณฑ์
มอบถังน้ำมีฝาปิดและเก้าอี้สุขภัณฑ์

จากการเยี่ยมครอบครัวนี้ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย การจะมองปัญหาผู้ป่วยไม่ควรมองปัญหาเพียงด้านเดียวควรมองอย่างครอบคลุมทั้งกาย จิต สังคม จิตวิญญาน มองอย่างลึกซึ้งแล้วจะมองเห็นปัญญหาที่แท้จริง ทำให้แก้ปัญญหาที่ถูกจุด ผู้ป่วยและญาติสุขกาย สบายใจ ทีมPCUสารภีมีความสุขใจที่ได้ทำงานอย่างทุ่มเท ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ามากๆ

                                                                                                           หมอต้อย

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อญาติสิ้นหวัง

เมื่อวันที่15ตุลาคม2553 อสมหมู่4ได้มาบอกทางศูนย์สุขภาพชุมชนตำบลสารภีว่า หมอติ๊กๆบ่าเดียวนี้น่าญาติปี้น้องป้อสม อินทร์หล้า อยู่หน้าโฮงบาลเฮานิ เอาตุ๊เจ้ามาฟังธรรมเพี้ยวบ้านเพี้ยวจองกั๋นหมด หมอลองไปดูกำเตอะ ทีมเยี่ยมบ้านของ ศูนย์สุขภาพชุมชนตำบลสารภีนำโดยหัวหน้าติ๊กและลูกน้องทั้งสามไม่รอช้าได้ออกไปหาป้อสมทันทีสภาพป้อสมนอนไม่ลืมหูลืมตาอยู่บนเตียงไม่พูดไม่โต้ตอบเรียกชื่อคนไข้อยู่นานๆป้อสมๆๆลืมตาดูไม่พูดอะไรไข้สูง ความดันสูงอ่อนเพลียไม่ทานอาหาร หัวหน้าติ๊กให้การพยาบาลทันทีและได้พูดคุยกับญาติให้กำลังใจญาติและป้อสม
วันที่18ตุลาคม53ได้ติดตามเยี่ยมอีกครั้งป้อสมอาการดีขึ้นเริ่มทานอาหารได้บ้างโดยอสมหมู่4ช่วยป้อนข้าวเพราะลูกๆป้อสมออกไปทำงานทิ้งป้อสมกับแม่ล้อมไว้บ้านแม่ล้อมลำพังช่วยเหลือตัวเองได้ก็แย่อยู่แล้วต้องใช้ไม้ค้ำยันพยุงตัวเองญาติดีใจมากป้อสมอาการดีขึ้นลุกจากเตียงได้ทานข้าวได้เอง
ชีวิตคนเราอะไรก็เกิดขึ้นได้เพียงเสี้ยววินาที ความรู้สึกตอนนั้นดูสิ้นหวังจริงๆนะจะบอกให้เราที่ไม่ใช่ญาติยังรู้สึกได้เลย หลังจากติดตามเยี่ยมซ้ำล่าสุด 27ตุลาคม53 เห็นป้อสมมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเดินได้ทานอาหารได้เองเดินออกไปนอกบ้านได้แล้วรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยให้ป้อสมใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง
แบ่งปันพี่น้องชาวสารภีหมอน้อย(จาวบ้านเรียกขาน)

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หรือว่าที่เราทำเขาเรียกว่า "การวิจัยชุมชน"....

20-22 ตค.มีโอกาสไปประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การพัฒนาทักษะด้านการวิจัยชุมชนสำหรับนักวิชาการ : พื้นที่ภาคเหนือ" สนับสนุนโดย สสส. สวพ.ศวช.มีอาจารย์จาก มช. มข.มาเป็นพี่เลี้ยง ได้หนังสือมา 4-5 เล่มโตๆหนาระเบิดระเบ้อ...เอามาหนุนหัวนอนให้มัน absorbed ไปก่อน 2 วัน ก่อนเอามานั่งพิจารณา ไปๆมาๆงานวิจัยชุมชนนี่ก็คล้ายกับการทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์เหมือนกัน สิ่งที่พวกเราท๊ำทำกันนี่ มันก็แล้วแต่ใครจะเรียก ชิมิ ที่แน่ๆคือมีการบ้านให้ทำจนกระทั่งถึงการลงโครงการ

เริ่มจากทำปฏิบัติการที่ 1 ถอดบทเรียนของกลุ่ม/แหล่งปฏิบัติการ ซึ่งในชุมชนของเราจะมีหลายกลุ่ม/แหล่งปฏิบัติการที่เราจะต้องมาถอดบทเรียนทีละกลุ่มด้วยการลำดับที่มาและเส้นทางการพัฒนาของกลุ่ม/แหล่งปฏิบัติการตลอดถึงทุนทางสังคมที่เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งตัวนี้ในแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ก็คือ ภาคีเครือข่ายที่เราต้องมาวิเคราะห์ว่าจะช่วยเหลือกลุ่มเราได้อย่างไร หลังจากนั้นก็วิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและทางสังคม ซึ่งก็คือ รากฐานในแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ ส่วนงาน/กิจกรรมและเป้าหมายของกลุ่มที่เรานั่งวิเคราะห์เอาเป็นเอาตายก็เข้าได้กับกระบวนการของแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ โอย....OMG ที่เราอุตส่าห์กระดี๊กระด๊ามานี่ มันเป็นสิ่งที่เราทำโดยไม่รู้ตัวหรือว่า คืองานวิจัยชุมชน จากนั้นก็นั่งวิเคราะห์การจัดการกลุ่ม (งาน คน ข้อมูล ทรัพยากร/เงิน/กองทุน)ที่เป็นรูปธรรมบทบาทหน้าที่ของแกนนำ/สมาชิกและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ตลอดถึงความเชื่อมโยงของกิจกรรมกลุ่มที่โยงไปกลุ่มอื่นๆได้อย่างไรและจะดูผลผลิต/ผลลัพธ์ ปัจจัยเงื่อนไขความสำเร็จของกลุ่ม/แหล่งปฏิบัติการได้อย่างไร หลังจากนั้นก็ออกแบบกระบวนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้จนกระทั่งออกมาเป็นโครงการ

อาจารย์ให้การบ้านมาทำต่อ งบให้นิโหน่ย...ไปขอจากที่อื่นด้วย(เอาเอง) มี.ค.54 จะมีการนำเหนอและประชันความงามโครงการกันที่ กทม....เฮ้อ..จะทำอยู่มั้ยเนี่ย งานก้อเยอะนะคะ ท่าจะขอบายบายเน้อเจ้า

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แขวนคำตัดสินดีไหม....

วันนี้เป็นวันคลินิกความดันโลหิตสูง คนไข้พากันมานั่งรอแต่เช้า บางคนก็เร่งเร้าอยู่ในทีเพราะไปวัดแล้วมาแวะยังไม่ได้กินข้าวเช้า รับยาเสร็จก็จะกลับบ้าน แล้ววันนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไรที่มีเรื่องจุกจิกในใจเล็กน้อยที่รู้สึกว่าใจขุ่น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะไม่ลงที่คนไข้เลย นั่งตรวจไปสักครู่ก็มีหญิงชราท่าทางสบายๆไม่วิตกทุกข์ร้อนอันใด แต่ความดันโลหิตสูงปรี๊ด "คุณยายความดันสูงอีกแล้วนะคะ 190/100 แน่ะ แล้วก็สูงมาหลายครั้งแล้ว.." ฉันพูดแบบต่อว่ากลายๆ "ยายก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่หมอ" คุณยายพูด ความจริงคุณยายก็รู้ว่าฉันเป็นพยาบาล แต่ก็เรียกว่าหมอตามประสาคนท้องถิ่นนี้ที่เรียกคนทำงานในโรงพยาบาลว่า หมอ "คุณยายเครียดอะไรมั้ยคะ" ฉันเริ่มสอบสวน "ไม่มีอะไรที่ต้องเครียดนี่นา " "นอนหลับดีมั้ย" หลับสบายทุกวัน" เอาละซีฉันเริ่มปวดหัว "กินเค็มหรือเปล่า.." "ไม่มี้.." คุณยายปฏิเสธเสียงแข็ง "งั้นหนูส่งตัวคุณยายไปให้ข้างบน..(หมายถึงงาน NCD ของโรงพยาบาล) ดีไหมคะ " "ยายไม่ไปหรอก ขี้เกียจรอนาน เสียเวลา มานี่แหละเร็วดี" คุณยายยังคงดื้อแพ่ง "คุณยายกินยายังไงคะ" "ก็กินเม็ดสีโอโรสครึ่งเม็ด สีเหลืองหนึ่งเม็ด สีขาวไม่กิน กินแล้วคันไปทั้งตัว ไม่ได้หลับไม่ได้นอน" เอาอีกแล้ว ฉันคิด ...กินยาตามใจตัวเองอีกแล้ว จะทำยังไงดีละนี่ โทรฯ consult คุณหมอ OPD แล้วกัน เพราะคุณยายยืนยันว่าไม่ไปตรวจกับ OPD หรือ NCD ของโรงพยาบาล คุณหมอก็กรุณาให้คำแนะนำพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนยาให้ พอเอายาให้คนไข้ดูแกก็บอกว่า ยานี่ไม่กินเคยกินแล้วไม่ดี ยานี้กินอยู่ยายังพอมี ชักปวดหัวมากขึ้นอีก คนไข้อื่นๆก็รออยู่เลยบอกคุณยายว่า งั้่นยังไม่ให้ยาละนะ บ่ายนี้จะไปเยี่ยมบ้านดูว่าที่บ้านมียาอะไรบ้าง คุณยายก็ตกลง

บ่ายแก่ๆก็พากันไปสองคนพี่น้อย เตรียมตะกร้าเยี่ยมบ้านทั้ง Family folder ทั้งยาของคุณยายที่เผื่อยาความดันตัวอื่นไปด้วย เครื่องวัดความดัน แถมเซ็ททำแผลเผื่อคนแถวบ้านคุณยายจะมีแผลให้ทำ บ้านคุณยายหาไม่ยาก ปรากฎว่า เป็นหม้ายอยู่บ้านคนเดียว ลูกไปทำงานที่อื่น อาทิตย์หนึ่งก็กลับมาหาที แต่ไม่ได้มีฐานะยากจนเลย มีหลานชายและหลานสะใภ้ของสามีแกอาศัยอยู่บ้านใกล้กัน ไปมาหาสู่กันได้ วัดความดันโลหิตซ้ำ คราวนี้ได้ 150/80 มม.ปรอท ซักประวัติผังเครือญาติ ปรากฎว่า ลูกชายสี่คนตายด้วยสาเหตุดื่มเหล้ากันทุกคน เหลือแต่ลูกผู้หญิงที่ออกเรือนไปอยู่ที่อื่น หลานชายและหลานสะใภ้ของสามีแกก็กินเหล้าทุกวันเหมือนกัน ทั้งๆที่หลานสะใภ้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง แขนขาซีกซ้ายอ่อนแรงเพิ่งจะพอช่วยเหลือตัวเองได้ และทั้งคุณยาย หลานชายและหลานสะใภ้สูบบุหรี่ขี้โยกันทุกคน คุณยายเอายามาให้ดูพบว่า ที่ไม่กินคือ Amlodipine 5 mg ที่ทานอยู่ก็มี HCTZ , Atenolol(100)  เลยเพิ่ม Enalapril (5) ตามที่คุณหมอสั่งให้ คุณยายชอบกินอาหารที่ใส่ผงชูรสมาก บอกว่าต้องใส่ทุกมื้อ ทุกเมนู แถมบอกว่า "ซื้อไว้ใช้กระปุกเท่านี้..."แกทำมือขนาดลูกมะพร้าวอ่อน คิดดูละกันว่าแกจะกินสักเท่าไหร่  แกบอกว่า อยู่ที่บ้านความดันแกดีอยู่ไม่สูงมาก เลยถามว่าที่สูงน่ะคิดว่าเพราะอะไร แกบอกว่า "ท่าจะเดินไปหาหมอละมั้ง...." อ้าว แล้วก็ไม่บอก แกก็ว่า ก็หมอไม่ได้ถาม เอากะแกซี "หนูขอโทษแล้วกันนะคุณยายที่ไม่ได้ถาม เอางี้ ก่อนไปหาหมอให้ อสม.วัดความดันให้ก่อนนะ แล้วค่อยไปเปรียบเทียบกับที่โน่น แต่ยังไงก็อยากให้สูบขี้โยลดลงด้วย แล้วก็ผงชูรสด้วยนะ แล้วถ้าไปเอายาก็ขอใครเขาไปส่งนะ อย่าเดินไปเอง มันไกลอยู่เหมือนกัน..." ฉันฝากฝังให้หลานสาวแกช่วยดูแลสองเรื่องนี้ให้ " แล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ.."

ถ้าไม่ได้เยี่ยมบ้าน เราจะรู้มั้ยเนี่ยว่า แกต้องเดินไปเอายา แล้วต้องรีบเดินกลับไปดูแลบ้าน เพราะไม่มีใครเฝ้าบ้าน เราจะรู้มั้ยว่า แกสูบขี้โยเท่าไหร่ กินผงชูรสเท่าไหร่ มีคนมีพฤติกรรมแบบนี้เป็นเพื่อนแกอยู่ใกล้ๆ เลยไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เราก็จะมองแค่ตัวเลขให้ยาตามตัวเลข พอไม่ได้ผลก็ตราหน้าแกว่า

Non-compliance patient

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

SARAPEE CHANGE

จากแนวคิดของ ผอก.รพ.ที่นำมาจากกระแสความคิดเปลี่ยนแปลงประเทศไทย หรือ Thailand change โดยการให้แต่ละหน่วยงานไปคุยกันว่าปัญหาของหน่วยงานเราเป็นอย่างไร และอะไรคือปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน 1 ปัญหา เพื่อที่จะได้นำไปเสนอในหน่วยงานอื่นอีก 5 หน่วยงาน แล้วเลือกปัญหาที่สำคัญเรียงตามลำดับความสำคัญใน 5 หน่วยงานมานำเสนอต่อ กกบ. พอได้นโยบายเลยมานั่งคุยกันปุ๊บแบบสุนทรียสนทนา สรุปปัญหาที่สำคัญคือ การขาดแคลนบุคลากรในหน่วยงานเรา เริ่มจากเคที่ป้าๆแม่ๆคาดหวังว่าจะช่วยเรื่องลงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ให้สมบูรณ์มากกว่านี้ แต่เคให้เหตุผลว่า ต้องดูแลงาน IC เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ทำความสะอาดของเครื่องใช้ ดูแลของ supply ให้บริการคัดกรองผู้ป่วยอีกทั้งยังต้องคัดกรองสุรา สุขภาพจิต ทำให้ใช้เวลาในการทำงานมาก บางครั้งต้องไปติดต่อเทศบาลให้อีก นอกจากนั้นคอมพิวเตอร์ก็ยังมีปัญหา ติดๆขัดๆ ส่งซ่อมเฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง จึงทำให้การลงข้อมูลทำได้ไม่เต็มที่ แม่น้อยก็ช่วยในเรื่องข้อมูลได้ไม่เต็มที่เหมือนกัน เนื่องจากต้องรับงานทำบัตรทอง ช่วยวางแผนครอบครัวตามหน้าที่ลูกจ้างอนามัยแล้วต้องช่วยลงคอมงานวางแผนครอบครัวอีก งานสารบรรณรับ-ส่งหนังสือเข้าออก งานพัสดุ เป็นกรรมการนั่นนี่ประชุมอีกบางวาระ ครั้งจะลงข้อมูลเชิงลึกก็มีปัญหาอีก "อิปี้ต๋าบ่ดี บ่ใคร่เข้าใจ๋โปรแกรมแฮ๋ม ถ้าเป็น cm_pop อย่างตะก่อน อิปี้สู้ต๋าย" แม่ต้อยก็รับงานด้านบริการอีกรอบด้าน งานตรวจรักษา งาน อสม. งานวิชาการบางส่วน "ต้อยก่ใคร่ก๊านแล้วหนา..." น้ำตาพาลจะไหลตามประสาผู้มีจิตใจอ่อนไหว ป้าติ๊กน่ะหรือ ก็แบกรับเต็มที่เหมือนกัน ทั้งงานบริหาร บริการ วิชาการ แผนงานโครงการ ล้างหนี้ "โอย..อิป้าก่บ่ไคร่ไหวเหมือนกั๋นเนาะ" สรุปว่า "ขอคนมาช่วยสักสองคนเต๊อะ คนลงข้อมูลกับพยาบาลแฮ๋มคนเนาะ"

จุดอื่นเขาเพิ่มคนขยายงานกัน แต่ PCU ขอแค่คนมาช่วยตรึงอัตรากำลังให้ทำงานได้สมศักดิ์ศรี PCU ของโรงพยาบาลหน่อยก็จะเป็นอนิสงค์ผลบุญให้แก่ประชาชนตำบลสารภี เพราะอยู่ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลเสียเปล่า แต่ได้รับบริการสู้คนตำบลอื่นที่อยู่นอกเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลก็ไม่ได้ ปัญหานี้ใครจะช่วยได้หนอ คนตำบลสารภีไม่คิดอะไรบ้างหรือคะ หรือคิดแค่อยากได้แค่การรักษา ไม่ต้องสร้างเสริมสุขภาพ ไม่ต้องป้องกันโรค ไม่คำนึงถึงภาวะสุขภาพที่ดีเลยหรืออย่างไร

ที่ประชุมลงมติให้น้องต้อยไปนำเสนอปัญหา เพื่อขอความเห็นใจแก้ไขปัญหาอย่างรีบด่วน โดยเฉพาะน้องต้อยเธอมีความสามารถพิเศษในการสร้างความเอ็นดูสงสารเนื่องจากต่อมน้ำตาเธอจะอยู่ตื้นมากๆ พูดๆอยู่ เธอก็สามารถเรียกหยาดน้ำเป็นฝนพร่างพรูลงมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ 5 หน่วยงานไหนที่ได้รับฟังเธอเป็นครั้งแรก ให้เตรียมทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าไว้ด้วย

"เราเตือนท่านแล้ว...ขอบอกกก"