วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มหกรรมตลาดนัดสุขภาพ สุขภาพดีวิถีไทยปี 2

     และแล้วก็เสร็จสิ้นไปด้วยดี สำหรับปีนี้ เตรียมงานกันหลายเพลา เครียดพอดูจน apthous ulcer ขึ้นเต็มปาก ตั้งแต่เรียกประชุมโซน มาบ้างไม่มาบ้าง ประชุมทาง skype ก็แล้ว ทางโทรศัพท์ก็แล้ว จนสุดท้ายยางเนิ้งส่งตัวแทนมาสองคน มานั่งคุยกันถึง"เป๋นน้ำแล้ว" แบ่งงานกันเสร็จสรรพ เอาเงินให้คนรับผิดชอบไปจัดการ งานนี้ยางเนิ้งจัดการให้ค่อนข้างเยอะ ต้องขอบคุณจริงๆ โดยเฉพาะ "หมอหม่วย กับหมอเพ็ญพร" เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง วานนี้ก็มาช่วยกันเตรียมสถานที่ หนองแฝกมา 1 คน ยางเนิ้ง 2 คน สารภีไปหมดทั้งฝ่าย 5 คน เช้านี้ต่างฝ่ายต่างช่วยตัวเอง ไม่ได้ดูตำบลอื่นเลย พี่เลี้ยงอันได้แก่ พี่โหน่ง พี่ปุ้ย น้องยุ น้องน้อย มาพร้อมหน้าช่วยเตรียมป้ายไวนิลอย่างแข็งขัน ผอ.รพ.ในฐานะประธาน คปสอ.มาเปิดงาน เสร็จก็ "หมอเบญ" ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง อารมณ์ดี ชีวีมีสุข ห่างไกลโรคเบาหวานความดัน" ผู้เข้าร่วมได้ทำกิจกรรมสนุกสนานกันถ้วนหน้า
     หลังจากนั้นก็สาธิตการออกกำลังกายจากชมรมสร้างเสริมสุขภาพตำบลต่าง ๆ โดยขณะที่มีการสาธิตบนเวที ข้างล่างเวที ทั้งนักศึกษาคณะเภสัชฯ อาจารย์ หมออนามัย กลุ่มเสี่ยงที่มาร่วมงาน อสม. ต่างออกกำลังกายสุดสวิงริงโก เป็นที่ชื่นชมแก่ผู้มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง
แล้วก็เป็นการเข้ารับความรู้ฐานต่าง ๆ ทั้งอาหาร ออกกำลังกาย ความรู้เรื่องโรค ตอบปัญหาชิงรางวัล ไข่ นม ผลไม้ บางคนเทียวไปตอบได้ไข่กลับบ้านไปไม่ใช่น้อย

งานนี้มีอาหารกลางวัน ข้าวห่อให้กลับบ้าน อิ่มหมีพีมันแล้วอย่าลืมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยนะคะ จะได้สุขภาพดี ไม่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง

ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมให้งานสำเร็จด้วยดี โดยเฉพาะทีมงาน PCU ที่งานนี้ขอ  บอกว่า เต็มที่จริงๆ โดยเฉพาะน้องเคที่แบกโซฟาคนเดียว เหงื่อไหลไคลย้อย ขอให้สุขภาพแข็งแรงๆนะจ๊ะ

 หากมีงานหน้าให้หนองแฝกเป็นเจ้าภาพโตยเน้อ อิอิ

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไข้เลือดออกรายแรกปี 53

ในที่สุด หน้าฝนก็มาถึงพร้อมกับโรคไข้เลือดออก
หมู่ 3 ต.สารภี เป็นหมู่บ้านที่ครองแชมป์ไม่มีไข้เลือดออกมาหลายปี ในขณะที่หมู่บ้านอื่น ๆรายรอบเป็น แต่หมู่ 3 ก็ยืนยงคงกระพันมาได้ แต่ปีนี้กลับเสียแชมป์เป็นหมู่แรกของปีนี้ ทั้ง ๆที่ อสม. work มั่กๆคะ เข้ากับสัจธรรมที่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (หุ หุ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)

เอาเถอะ ไหนๆมันก็เป็นไปแล้ว อสม. สู้ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ลงสอบสวนโรค อสม.ทุกหมู่บ้านก็มาควบคุมดูแลภาชนะน้ำขัง พ่นหมอกควัน ครึกครื้นกันเป็นอันดี

ฝากเตือนประชาชนตำบลสารภีทุกท่านด้วยนะคะ ปีนี้ขออย่าทะลุเป้าเลย สาธุ _/\_

ไม่อยากให้เป็นแบบนี้อีกค่ะ  (ไม่อยากออกกลางคืน.....)


สถานการณ์โรคไข้เลือดออก


จำนวนผู้ป่วยสะสม DHF+DF+DSS ณ วันที่ 11 พ.ค. 2553 (สัปดาห์ที่ 18)
1จำนวนผู้ป่วย (ราย)15,047ราย
2จำนวนผู้ป่วยตาย (ราย)18ราย
3อัตราป่วยต่อแสนประชากร23.64 
4อัตราตายต่อแสนประชากร0.03 
5อัตราป่วยตาย (ร้อยละ)0.12
ในปีนี้สภาพอากาศร้อนเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา สิ่งที่น่าห่วง คือ โรคไข้เลือดออก ซึ่งมีสาเหตุจากยุงลาย มีข้อมูลการศึกษาทางวิชาการพบว่าขณะนี้ตัวลูกน้ำยุงลายจะกลายเป็นตัวยุงเร็วกว่าอดีตที่ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ก็เหลือประมาณ 5 วัน จะทำให้ปริมาณยุงตัวโตเต็มวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกในปี 2553 พบว่าโรคมีสัญญาณอาจเกิดการระบาดในปีนี้ได้ เน้นย้ำให้กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุก 7 วัน



วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องจากที่ประชุมอสม.

วันนี้วันดีค่ะ อสม.พร้อมหน้ามาประชุมที่ห้องประชุมโรงพยาบาลสารภี
ก่อนประชุมมีโอกาสได้ไปนั่งฟัง อสม.แสดงความรู้สึก
หลายคนท้อแท้กับการเป็น อสม.
" เงินเดือนที่ได้ 600 บาท มันไม่คุ้มกับการที่ต้องทำงานอย่างหนักเลยนะหมอ..." "บางทีกำลังจะตั้งน้ำทำกับข้าวให้ลูกกับผัวกิน หมอมาเอิ้นไปส่งเยี่ยมบ้านหน่อย ก็ต้องดับไฟไปส่งหมอก่อน" "ยังต้องเก็บขี้เต้อ(เสมหะ)แฮ๋ม หมอที่อบรมเปิ้นบอกถ้ายังไม่ไปส่ง เอาไว้ในตู้เย็นก่อนก็ได้ ผัวบอกถ้าเอามาไว้ในตู้เย็น เฮาเลิกกั๋นเลย ถ้าบ่อั้นก็เลิกเป๋น อสม.ไปเลย....."

ฟังแล้วก็อดที่จะเห็นใจและหดหู่ใจไม่ได้ เราทำให้คนที่มีจิตอาสามาทำงานให้ชาวบ้านเดือดร้อนหรือนี่

"บางทีนะ หมอนัดชาวบ้านมาเวลาบ่ายโมง แต่สองโมงสามโมงหมอก็ยังไม่มา....ชาวบ้านก็โกรธ อสม.ว่าให้มารอ เขาก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน...."

สำหรับงานที่ตามมาอีกเรื่อย ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มี นักศึกษามหาวิทยาลัยลงฝึก ลงทำวิจัย มีงานที่เพิ่มเติมมาจากงานที่ต้องทำอยู่แล้ว ก็เหมือนกับเราซ้ำเติมความเดือดร้อนให้เขาอีก จากการที่เราตั้งหน้าตั้งตาจะเก็บผลงานจาก อสม. เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น หรือมีใครได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะพยายามบอกเราทั้งๆที่เกรงอกเกรงใจอย่างล้นเหลือกันบ้างไหม หรือจะปล่อยให้เสียงเหล่านี้เลือนหายไปพร้อมกับคำว่า "ขอข้าเจ้าลาออกเต๊อะหมอ..."

สะเทือนใจมากนะ....  ถ้าเป็นเรา เราจะทำอย่างไร? จะรู้สึกอย่างไร?